ปัจจุบัน แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนนั้น มีให้เลือกดาวน์โหลดอย่างมากมาย แต่ก็มีแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ นอกจากจะไม่มีประโยชน์ และเปลืองพื้นที่ภายในตัวเครื่องแล้ว ยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่โดยใช่เหตุอีกด้วย และเพื่อเป็นการจัดระเบียบให้กับสมาร์ทโฟน มาดูกันดีกว่าว่า แอปพลิเคชัน 5 ประเภท ที่ไม่ควรดาวน์โหลดมาติดเครื่อง มีอะไรกันบ้าง
1. แอปพลิเคชันจำพวก คืนพื้นที่ RAM ได้
จริง ๆ แล้ว แอปพลิเคชันที่ทำงานอยู่บนสมาร์ทโฟน ต่างก็ต้องใช้พื้นที่ RAM กันทั้งนั้น รวมไปถึงแอปพลิเคชันที่ทำงานแบบเบื้องหลัง (Background Mode) จึงทำให้ในตอนนี้ แอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับการคืนพื้นที่ RAM จึงมีให้เลือกดาวน์โหลดอย่างมากมาย แต่ทราบกันหรือไม่ว่า แอปพลิเคชันเหล่านี้ ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ เพราะเมื่อทำการปิดการทำงานของแอปพลิเคชันทั้งหมด จริงอยู่ที่จะช่วยทำให้ได้ RAM กลับคืนมา แต่เมื่อใดที่ต้องการเปิดแอปฯ ดังกล่าวอีกครั้ง ก็ต้องบูตขึ้นมาใหม่ ทำให้ CPU ต้องทำงานใหม่ และเปลืองพลังงานแบตเตอรี่มากขึ้นไปอีก ฉะนั้น แอปฯ ประเภทนี้ ถือว่า ไม่จำเป็นเท่าไหร่
2. แอปพลิเคชันประเภท Clean Master
สำหรับแอปพลิเคชันประเภท Clean Master ก็คือ แอปพลิเคชันที่อ้างว่า สามารถล้างไฟล์ขยะ พวกไฟล์ Cache หรือข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกไปได้ทั้งหมด แม้จะสามารถล้างข้อมูลขยะออกไปได้หมดจริง แต่แอปฯ เหล่านี้ จะใช้พลังงานแบตเตอรี่จำนวนมาก ทำให้สิ้นเปลืองไปไม่น้อยเช่นกัน นอกจากนี้ ถ้าหากลองสังเกตดู แอปพลิเคชันเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับ โฆษณาแฝง เปลือง data อินเทอร์เน็ตแบบไม่รู้ตัวอีกด้วย
ส่วนผู้ใช้คนใดที่เคยชินกับการใช้แอปพลิเคชันประเภทนี้ไปแล้ว และเกิดความรู้สึกว่า ถ้าไม่ได้ใช้ เครื่องจะหน่วง ๆ อันที่จริงเราก็สามารถเข้าไปล้างไฟล์ขยะได้ด้วยตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันพวกนี้มาใช้แต่อย่างใด ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Apps > Downloaded แล้วเลือกแอปพลิเคชันที่ต้องการ จากนั้นให้เลือก Clear Cache
3. แอปพลิเคชันประเภท Antivirus
สำหรับแอปพลิเคชันประเภท Antivirus นั้น จริง ๆ แล้วเป็นแอปพลิเคชันที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้ใช้ Android โดยเฉพาะผู้ที่นิยมติดตั้งไฟล์ประเภท APK จากแหล่งอื่น หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนอก Play Store ควรจะติดตั้งแอปพลิเคชัน Antivirus เอาไว้ เนื่องจากแอปฯ พวกนี้อาจจะมีการแฝงมัลแวร์ไว้ภายใน แต่สำหรับผู้ที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Play Store อยู่แล้ว แอปพลิเคชัน Antivirus ถือว่า ไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะเปลืองพื้นที่จัดเก็บแล้ว ยังเปลือง RAM และแบตเตอรี่ อีกทั้งทาง Google เอง ก็มีระบบป้องกันความปลอดภัยที่ดีพอสมควรอยู่แล้ว
ฉะนั้น แอปฯ ประเภท Antivirus เหมาะสำหรับกลุ่มผู้ที่นิยมติดตั้งไฟล์เอง ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งภายนอก ส่วนใครที่ดาวน์โหลดแอปฯ จาก Play Store อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปฯ Antivirus มาใช้งาน แต่ถ้าหากไม่สบายใจ ก็สามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ เพียงแต่จะเปลืองพื้นที่กับแบตเตอรี่เท่านั้นเอง
4. แอปพลิเคชันที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่
ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับ การคืนพื้นที่ RAM หรือแอปฯ ที่ช่วยประหยัดแบตเตอรี่ แอปฯ เหล่านี้ถือว่า ไม่จำเป็นต่อการใช้งาน และทำให้สิ้นเปลืองพลังงานแบตเตอรี่โดยใช่เหตุ ซึ่งจริง ๆ แล้ว บนมือถือ Android ทุกรุ่น สามารถมอนิเตอร์แบตเตอรี่เองได้ ด้วยการดูว่า แอปฯ ไหนใช้พลังงานแบตเตอรี่ไปเท่าไหร่ เหลือแบตเตอรี่ให้ใช้งานได้อีกกี่ชั่วโมง
สำหรับเทคนิคของการทำให้แบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานมากขึ้นนั้น ก็คือ การลดการใช้พลังงานจากการประมวลผล ที่มาจากการทำงานของแอปพลิเคชันต่าง ๆ นั่นเอง แต่แอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการประหยัดแบตเตอรี่ หรือแม้แต่การเคลียร์ RAM เหล่านี้ จะต้องใช้แบตเตอรี่ในการประมวลผล ฉะนั้น ถ้าหากไม่จำเป็น ไม่ควรติดตั้งแอปพลิเคชันเหล่านี้ไว้ในเครื่อง
5. แอปพลิเคชันที่ติดมากับตัวเครื่อง
ปัจจุบัน เราจะสังเกตเห็นได้ว่า มีหลาย ๆ รุ่นที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันมาให้ใช้งานอย่างมากมาย โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องไปดาวน์โหลดเพิ่มเอง แต่ก็มีหลายแอปฯ ที่ถูกติดตั้งมา เราแทบไม่ได้เปิดใช้งานเลย ซึ่งแอปฯ เหล่านี้ ทำให้เปลืองพื้นที่จัดเก็บโดยเปล่าประโยชน์ แม้จะสามารถถอนการติดตั้งออกได้ แต่ก็ใช่ว่าจะทำได้ทั้งหมด
สำหรับคำแนะนำในข้างต้นนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะให้ผู้ใช้งานถอนการติดตั้งแอปพลิเคชันเหล่านั้นออกไปทั้งหมด แต่ควรจะเลือกดาวน์โหลดและเลือกใช้ให้เหมาะกับพฤติกรรมการใช้งานของตนเองจะดีกว่า เนื่องจากมีบางแอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้ อย่างเช่น แอปฯ Antivirus ส่วนแอปฯ ที่คิดว่า ไม่จำเป็นกับการใช้งานก็ควรจะถอนการติดตั้งไป เพราะนอกจากจะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับตัวเครื่องแล้ว ยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้อีกทางหนึ่งด้วย
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
* แนะนำ ดูเวอร์ชันสำหรับเว็บ คลิกด้านล่าง