สำหรับ Samsung Galaxy Note Edge เป็นสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นแรก ที่ใช้งานหน้าจอขอบโค้งแบบ Curved Edge Screen รวมถึงสเปคในด้านต่างๆ ที่เรียกได้ว่าจัดอยู่ในระดับท็อป ส่วนราคาเปิดตัวก็สมกับเป็นสมาร์ทโฟนเรือธง จึงมีความพิเศษอยู่ในตัวไม่น้อย
จนกระทั่งเมื่อมีการเปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นน้องอย่าง Samsung Galaxy S6 edge ที่ใช้งานหน้าจอขอบโค้ง Dual Curved Edge Screen จึงเป็นสมาร์ทโฟนในระดับเดียวกัน ที่มีความสามารถคล้ายคลึงกัน ดังนั้นอาจมีผู้ซื้อที่ต้องชั่งใจเลือกว่าระหว่าง Galaxy S6 edge และ Galaxy Note Edge รุ่นไหนจะตอบโจทย์การใช้งานในด้านต่างๆ มากกว่ากัน
ทางทีมงาน จึงได้นำเอาคุณสมบัติของสมาร์ทโฟนทั้งสองรุ่นนี้มาเปรียบเทียบให้เห็นว่า รุ่นไหนได้เปรียบหรือเสียเปรียบกันในด้านไหนบ้าง โดยทางทีมงานได้ทำตารางเพื่อสรุปคุณสมบัติต่างๆ เพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน รวมถึงวิเคราะห์เจาะลึกในด้านต่างๆ มาให้เรียบร้อยแล้ว มาลองดูกันว่าสมาร์ทโฟนระดับเรือธงของ Samsung ทั้งสองรุ่นนี้จะมีความเหมือนหรือความต่างในด้านใดบ้าง
การออกแบบดีไซน์, ขนาด และน้ำหนัก
Galaxy S6 edge ตัวเครื่องมีขนาด 142.1x70.1x7.0 มิลลิเมตร น้ำหนัก 132 กรัม ส่วน Galaxy Note edge มีขนาด 151.3x82.4x8.3 มิลลิเมตร หนัก 174 กรัม จึงทำให้ Galaxy S6 edge มีความกะทัดรัด, น้ำหนักเบา และมีความบางมากกว่า Galaxy Note Edge สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในความกะทัดรัดแล้ว Galaxy S6 edge น่าจะตอบโจทย์ได้มากกว่า Galaxy Note Edge
Galaxy S6 edge วัสดุหลักจะทำมาจากกระจกเป็นเสียส่วนใหญ่ และขอบรอบตัวเครื่องทำมาจากอะลูมิเนียม มีสีให้เลือกถึง 4 สี ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสีขาว, สีน้ำเงิน, สีทอง และสีเขียว การออกแบบดีไซน์มีความโค้งมน ดูทันสมัย ประกอบกับความงามของหน้าจอขอบโค้งแบบ Dual Curved Edge Screen จึงทำให้ Galaxy S6 edge มีความสวยงามและหรูหราในตัวเอง
ส่วนวัสดุหลักของ Galaxy Note Edge ด้านหลังทำมาจากหนังเทียม ขอบด้านข้างใช้วัสดุอะลูมิเนียม ตัวเครื่องมีให้เลือกสองสี คือสีดำ และสีขาว โดยบุคลิกของสมาร์ทโฟนดูค่อนสุขุม เรียบร้อย ให้ความสวยงามคนละแบบกับ Galaxy S6 edge
กล้องหลังและกล้องหน้า
กล้องหลังของ Galaxy S6 edge และ Galaxy Note Edge เรียกว่าแทบจะเป็นฝาแฝดกันเลยทีเดียว เพราะทั้งคู่มีความละเอียดเท่ากันที่ 16 ล้านพิกเซล มีไฟแฟลช LED และระบบป้องกันภาพสั่นไหวแบบ OIS รวมถึงระบบโฟกัสอัตโนมัติ
แต่จุดที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือความละเอียดของกล้องหน้า โดย Galaxy S6 edge มีความละเอียดที่ 5 ล้านพิกเซล ซึ่งมากกว่ากล้องหน้าของ Galaxy Note Edge ที่มีความละเอียดที่ 3.7 ล้านพิกเซล ดังนั้นในหัวข้อของกล้อง Galaxy S6 edge จึงเฉือนชนะ Galaxy Note Edge ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จอแสดงผล
ในด้านจอแสดงผลของทั้ง Galaxy Note edge และ Galaxy S6 edge มีสิ่งที่เหมือนกัน คือทั้งคู่ใช้งานหน้าจอแบบเดียวกันคือ Super AMOLED แต่ก็มีส่วนที่แตกต่างกันอยู่บ้างคือหน้าจอ Galaxy Note edge มีขนาด 5.6 นิ้ว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า Galaxy S6 edge ที่มีขนาดหน้าจอ 5.1 นิ้ว และความละเอียดของหน้าจอทั้งคู่เป็นแบบ QHD (2560x1440 พิกเซล) แต่ Galaxy Note edge มีลักษณะพิเศษเล็กน้อย คือในส่วนของขอบโค้ง จะมีความละเอียดเพิ่มเติมเป็น QHD (2560x1440+160 พิกเซล)
โดย Galaxy Note Edge มีขนาดหน้าจอใหญ่กว่า Galaxy S6 edge อยู่เล็กน้อย อาจจะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความบันเทิงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับชมภาพยนตร์ หรือเล่นเกมต่างๆ หน้าจอใหญ่กว่าอาจจะตอบโจทย์มากกว่า แต่สำหรับผู้ที่ชื่นชอบความกะทัดรัดและความคล่องตัวที่มากกว่า Galaxy S6 edge ก็อาจตอบโจทย์ได้มากกว่าเช่นกัน
หน้าจอขอบโค้ง Curved Edge Screen และ Dual Curved Edge Screen
Galaxy S6 edge ใช้งานหน้าจอแบบ Dual Curved Edge Screen ซึ่งมีลักษณะเด่นคือการมีขอบโค้งทั้งสองด้าน โดยจะมีฟีเจอร์การใช้งานที่เรียกว่า People edge โดยหลักการทำงานคือการให้เรากำหนดรายชื่อผู้ติดต่อเป็นโทนสี ถึงแม้ว่า Galaxy S6 edge ตัวเครื่องจะถูกคว่ำหน้าอยู่กับโต๊ะ แต่เมื่อมีเสียงเรียกเข้า หรือการแจ้งเตือนจากรายชื่อผู้ติดต่อที่เรากำหนดไว้แล้ว ก็จะแสดงเป็นโทนสีตามที่เรากำหนดไว้ ทำให้เราทราบว่าใครเป็นคนโทรเข้ามาในทันที
ส่วน Galaxy Note Edge จะใช้หน้าจอที่แตกต่างกันออกไป คือ Curved Edge Screen โดยจะมีลักษณะขอบโค้งเพียงด้านเดียว แต่กินพื้นที่มากกว่าจอโค้งของ Galaxy S6 edge ประโยชน์หน้าจอโค้งของ Galaxy Note edge ทำได้ค่อนข้างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเราเล่นเครื่องเล่นวิดีโอ ปุ่มเล่น ปุ่มหยุด และปุ่มต่างๆ จะไปแสดงที่ขอบโค้ง อีกทั้งยังเป็นชอร์ตคัตของแอปพลิเคชันต่างๆ รวมถึงข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ก็จะย้ายมาอยู่ตรงนี้เช่นกัน
เรียกว่านอกจากเรื่องความสวยงามแล้ว หน้าจอแบบขอบโค้งของ Galaxy S6 edge และ Galaxy Note edge ยังมีประโยชน์ใช้สอยในด้านอื่นๆ อีกด้วย
หน่วยความจำภายในเครื่อง (Internal Storage)
สำหรับหน่วยความจำภายในเครื่อง ทั้ง Galaxy Note Edge และ Galaxy S6 edge มีหน่วยความจำที่เท่ากันคือ 32 GB ก็ถือว่าเพียงพอต่อความต้องการสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป แต่สิ่งที่ Galaxy S6 edge ขาดไปก็คือการไม่รองรับหน่วยความจำภายนอก ซึ่งถ้าหากต้องการหน่วยความจำที่มากกว่า 32 GB จะต้องซื้อรุ่น 64 GB และเพิ่มเงินส่วนต่างจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ผิดกับ Galaxy Note Edge สามารถเพิ่มหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card ได้สูงสุด 64 GB มีประโยชน์ค่อนข้างมากสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บข้อมูลในสมาร์ทโฟนจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ, วิดีโอ, เพลง รวมถึงไฟล์ต่างๆ จึงทำให้ Galaxy Note Edge ทำได้ดีกว่า Galaxy S6 edge ในด้านที่รองรับหน่วยความจำภายนอกนั่นเอง
แบตเตอรี่
Galaxy Note Edge ใช้งานแบตเตอรี่ Li-Ion ความจุ 3,000 mAh เป็นเพราะขนาดตัวเครื่องมีขนาดใหญ่ จึงทำให้จุแบตเตอรี่ได้มาก ส่วน Galaxy S6 edge ใช้แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ความจุ 2,600 mAh ส่วนต่างมากถึง 400 mAh เลยทีเดียว จึงทำให้ระยะเวลาสแตนบายสายและการใช้งานในด้านอื่นๆ ของ Galaxy Note Edge สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า Galaxy S6 edge
ในด้านเทคโนโลยีของการชาร์จ Galaxy Note Edge และ Galaxy S6 edge นั้น รองรับเทคโนโลยี Fast Charging เหมือนกัน จึงทำให้การชาร์จแบตเตอรี่ของทั้งสองรุ่นเป็นไปอย่างรวดเร็ว และประหยัดเวลา
ส่วนความแตกต่างในด้านอื่นๆ ของแบตเตอรี่ จะเห็นว่า Galaxy Note Edge สามารถถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง ซึ่งมีประโยชน์เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพลง และต้องการเปลี่ยนแบตเตอรี่ ในทางกลับกันแล้ว Galaxy S6 edge ไม่สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เอง
จึงทำให้ในด้านแบตเตอรี่ Galaxy Note Edge มีความเหนือกว่า Galaxy S6 edge อย่างเห็นได้ชัด ในด้านแบตเตอรี่ที่มีความจุมากกว่านั่นเอง
จุดเด่นอื่นๆ
จุดเด่นที่มีร่วมกันของทั้ง Galaxy S6 edge และ Galaxy Note Edge นอกเหนือจากมีเทคโนโลยี Fast Charging ดังที่กล่าวไปในหัวข้อแบตเตอรี่แล้ว ก็จะมีฟีเจอร์สแกนลายนิ้วมือที่การใช้งานคล้ายคลึงกัน
แต่จุดเด่นอีกอย่างที่มีใน Galaxy Note Edge คือการรองรับการใช้งานด้วยปากกา S-Pen มีฟีเจอร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวาดรูป หรือการเขียนมากมาย อีกทั้งยังมีความแม่นยำสูง ให้ความรู้สึกเดียวกันกับการใช้ปากกาของจริงอยู่ไม่น้อย ดังนั้นแล้ว ผู้ที่ต้องการใช้งานในด้านขีดเขียน, การทำงานศิลปะ หรือการออกแบบต่างๆ Galaxy Note Edge จึงเป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดีกว่า Galaxy S6 edge อยู่ไม่น้อย
ราคาเปิดตัว
ราคาเปิดตัวของ Galaxy S6 edge รุ่นความจุ 32 GB มีราคาอยู่ที่ 27,900 บาท ส่วน Galaxy Note Edge รุ่นความจุ 32 GB มีราคาเปิดตัวที่ 28,900 บาท มีส่วนต่างอยู่ที่ 1,000 บาท ก็ถือว่าราคาเปิดหัวไม่ได้หนีห่างจากกันเท่าไรนัก แต่ Galaxy S6 edge มีราคาที่ถูกกว่า Galaxy Note Edge ในรุ่นความจุที่เท่ากัน ดังนั้นแล้ว ในด้านราคาเปิดตัว Galaxy S6 edge จึงเฉือนชนะ Galaxy Note Edge ไป
ถือว่าเป็นคู่ปรับที่สูสีกันอยู่ไม่น้อย สำหรับสมาร์ทโฟน Galaxy S6 edge และ Galaxy Note Edge ที่ต่างก็มีดีในตัวเอง โดย Galaxy S6 edge จะเหนือกว่าในด้านรูปลักษณ์ภายนอก ที่มีขนาดกะทัดรัด และกล้องหน้าที่มีความละเอียดมากกว่า รวมถึงราคาเปิดตัวที่ต่ำกว่าเล็กน้อย
ส่วน Galaxy Note Edge จะได้เปรียบในด้านขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่า และรองรับหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD Card รวมถึงการใช้งานร่วมกับปากกา S-Pen จึงทำให้ Galaxy Note Edge เป็นสมาร์ทโฟนที่เหมาะสมในด้านความบันเทิงอยู่ไม่น้อย
อย่างไรก็ดีสำหรับในเรื่องของความคุ้มค่าของสมาร์ทโฟนนั้น ขึ้นอยู่ปัจจัยของผู้ซื้อเป็นหลัก ว่าต้องการสมาร์ทโฟนใช้งานในด้านใดเป็นพิเศษ เพราะการเลือกซื้อสมาร์ทโฟนตามจุดประสงค์ของผู้ซื้อ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยตอบโจทย์ที่ว่าสมาร์ทโฟนเครื่องไหนเหมาะสมกับผู้ซื้อเองมากที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น
* แนะนำ ดูเวอร์ชันสำหรับเว็บ คลิกด้านล่าง